คำถาม ผู้ชายซะส่วนใหญ่ในบางครอบครัวมักทำเบาความกับการให้ภรรยาของเขา ลูกสาวของเขา หรือพี่/น้องสาวของเขาปรากฎตัวต่อหน้าชายอื่นที่ไม่ใช่มะฮ์รอม เช่น กลุ่มเพื่อนพ้องของพวกเขาเองที่เป็นผู้ชาย โดยมีการนั่งร่วมพูดคุยร่วมกันสังสรรค์กันประหนึ่งว่าพวกเขาคือคนที่เป็นมะฮ์รอมของนางยังไงยังงั้น และเมื่อมีคนไปตักเตือน พวกเขาก็กล่าวว่า : นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติของพวกเขา เป็นธรรมเนียมที่สืบมานมนานตั้งแต่ปู่ย่าตาทวดแล้ว อีกทั้งยังอ้างว่า พวกเขามีใจที่สะอาด(ปราศจากการคิดไม่ดีในเรื่องนี้) บางส่วนของพวกเขาก็หยิ่งยโส(ไม่น้อมรับหลักการ) ทั้งที่พวกเขาก็รู้ฮุก่มในเรื่องนี้ดี หรือบางคนในหมู่พวกเขาก็ไม่ทราบฮุก่มนี้ ได้โปรดให้คำชี้แนะแก่พวกเราในเรื่องนี้ด้วยครับ
คำตอบ สำหรับมุสลิมทุกคนจำเป็นที่เขาจะต้องรู้เอาไว้ว่า ธรรมเนียมปฏิบัติใดก็แล้วแต่นั้นจะต้องนำมาเทียบกับบทบัญญัติศาสนาอันบริสุทธิ์ ซึ่งจะรู้ว่าธรรมเนียมนั้นดีหรือไม่ดีนั้น (ก็ขึ้นอยู่กับการนำมาเทียบกับหลักบทบัญญัติศาสนา) และไม่ใช่ว่าการปฏิบัติของผู้คนที่เป็นธรรมเนียมในเรื่องใดมันจะบ่งบอกเสมอว่าสิ่งนั้นอนุญาตเสมอไป และธรรมเนียมของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่จะมาทำให้เรื่องหนึ่งเป็นที่อนุญาตด้วยเช่นกัน
ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติอีกจำนวนมากที่มนุษย์มักปฏิบัติกันในประเทศของพวกเขาหรือตามกลุ่มก้อน ชนเผ่าของพวกเขา ที่จำเป็นจะต้องนำมาเทียบกับอัลกุรอ่าน และซุนนะฮ์ของท่านร่อซู้ล ﷺ , ดังนั้นอะไรที่อัลลอฮ์และร่อซู้ล ﷺ อนุญาต สิ่งนั้นก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งมันก็คือสิ่งที่อนุญาตให้กระทำ – อัลฮัมดุลิ้ลละฮ์ – , ส่วนอะไรที่อัลลอฮ์และร่อซู้ล ﷺ ห้ามไว้ ก็จำเป็นต้องละทิ้งธรรมเนียมปฏิบัตินั้นเสีย หากมันได้กลายเป็นธรรมเนียมของผู้คน ดังนั้นหากผู้คนมีธรรมเนียมว่า ให้ทำเป็นไม่ใส่ใจในเรื่องการให้ผู้หญิงมาอยู่ตามลำพังกับชายอื่น หรือมีธรรมเนียมว่าให้ผู้หญิงเปิดเผยใบหน้าความงามของนางให้แก่ผู้ที่ไม่ใช่มะฮ์รอม เหล่านี้คือธรรมเนียมปฏิบัติที่ชั่วร้าย จำเป็นต้องทำให้หายไป(จากสังคม) ก็เหมือนกับว่า หากผู้คนมีธรรมเนียมในเรื่องการผิดประเวณี (ซินา) หรือมีธรรมเนียมในการสมสู่เพศเดียวกัน (ลิวาฏ) หรือดื่มเหล้า ก็จำเป็นต้องละทิ้งธรรมเนียมเหล่านี้ ดังนั้นคำว่าธรรมเนียมปฏิบัติจึงไม่ใช่หลักฐานสำหรับพวกเขาในกรณีดังกล่าว ทว่าหลักบทบัญญัติต่างหากที่ต้องอยู่เหนือทุกสิ่ง
ดังนั้นสำหรับใครที่อัลลอฮ์ทรงให้ทางนำแก่เขาให้เข้าใจอิสลาม เขาจะต้องหลีกห่างจากสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงห้าม ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมึนเมา การผิดประเวณี การลักขโมย การเนรคุณพ่อแม่ การตัดญาติขาดมิตร และอื่น ๆ ที่อัลลอฮ์ห้าม
และเช่นเดียวกันนี้จำเป็นสำหรับ(ทุก)ครอบครัวที่เขาจะต้องให้เกียรติคำสั่งใช้ที่มาจากอัลลอฮ์และร่อซู้ล ﷺ และพึงออกห่างจากสิ่งที่อัลลอฮ์และร่อซู้ล ﷺ ได้ห้ามไว้ ฉะนั้นหากธรรมเนียมปฏิบัติของพวกเขา คือการเปิดเผย(ใบหน้า เรือนร่าง สัดส่วน)ของบรรดาผู้หญิงของเขา (ภรรยา ลูกสาว พี่น้องสาว) เหล่านี้คือธรรมเนียมปฏิบัติที่ชั่วช้า จำเป็นจะต้องทำให้หายไปจากสังคม ดังนั้นสำหรับผู้หญิงนางจะต้องไม่เปิดเผยสัดส่วนแก่ลูกชายของน้าอา หรือสามีของพี่น้องสาวของนาง หรือพี่น้องชายของสามีของนาง หรือน้าอาผู้ชายของสามีของนาง ทว่าจำเป็นแก่นางที่จะต้องปกปิดเรือนร่างด้วยฮิญาบ จะต้องไม่มีอะไรที่นางจะถูกมองได้ นางจะต้องปกปิดเรือนร่าง ปกปิดใบหน้า ปกปิดศีรษะ ปกปิดทุกสัดส่วนของร่างกายกระทั่งไม่มีอะไรที่เปิดเผยออกมาได้
ส่วนการพูดคุยนั้นไม่มีปัญหาอะไร หากนางจะพูดสนทนาในเรื่องที่จำเป็น สามารถตอบสลาม และให้สลามได้ ไม่มีปัญหา แต่จะต้องมีความระมัดระวัง และต้องมีการปกปิด พร้อมกับหลีกห่างจากการอยู่ตามลำพังกับชายอื่น
, อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า : وَإِذَا سَأَلْتُمُوهُنَّ مَتَاعًا فَاسْأَلُوهُنَّ مِنْ وَرَاءِ حِجَابٍ ذَلِكُمْ أَطْهَرُ لِقُلُوبِكُمْ وَقُلُوبِهِنَّ .
“และเมื่อพวกเจ้าขอสิ่งใดจากพวกนาง ก็จงขอพวกนางจากหลังม่าน เช่นนั้นแหละเป็นการบริสุทธิ์อย่างยิ่งแก่จิตใจของพวกเจ้าและจิตใจของพวกนาง” (อัลกุรอ่าน 33:55)
และเช่นกันคำพูดในการสนทนา(กับชายอื่น)ก็จะต้องเป็นคำพูดธรรมดาที่ปกติที่พอเหมาะพอควร ไม่มีการดัดเสียงให้อ่อนหวาน แต่ต้องเป็นคำพูดที่ปกติ ตามที่อัลลอฮ์ ได้ตรัสว่า :
يَا نِسَاءَ النَّبِيِّ لَسْتُنَّ كَأَحَدٍ مِنَ النِّسَاءِ إِنِ اتَّقَيْتُنَّ فَلا تَخْضَعْنَ بِالْقَوْلِ فَيَطْمَعَ الَّذِي فِي قَلْبِهِ مَرَضٌ قُلۡنَ قَوۡلًا مَّعۡرُوۡفًا
“โอ้ บรรดาภริยาของนะบีเอ๋ย! พวกเธอไม่เหมือนกับสตรีใด ๆ ในเหล่าสตรีอื่นหากพวกเธอยำเกรง (อัลลอฮฺ) ก็ไม่ควรพูดจาเพราะพริ้งนัก เพราะจะทำให้ผู้ที่ในหัวใจของเขามีโรคเกิดความโลภ แต่จงพูดด้วยถ้อยคำที่พอเหมาะพอควร” (อัลกุรอ่าน 33:32)
อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงห้ามบรรดาภริยาของท่านนบี ﷺ ไม่ให้พวกนางใช้ถ้อยคำที่อ่อนหวานในการสนทนา ซึ่งหมายถึง การดัดเสียงให้ดูนุ่นหวาน จนทำให้ผู้ที่ในหัวใจของเขามีโรคแห่งอารมณ์ใฝ่ต่ำนั้นเกิดความลุ่มหลง จึงจำเป็นที่ถ้อยคำนั้นจะต้องปกติ ไม่ใช่คำที่หยาบคาย และไม่ใช่คำที่อ่อนหวานเกินไป แต่ให้อยู่ระหว่างกึ่งกลาง
แหล่งที่มา; เชค อับดุลอะซีซ บินบาซ – ร่อฮิม่าฮุ้ลลอฮ์ –
ฟะตาวา นูร อะลัดดัรบ์ (คำถาม : 7095)